วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2013:
พระเยซูตรัสว่า “ประชาชนของข้า วันนี้ในบทสวดมนต์เรื่อง ‘ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า’ ดูเหมือนจะง่ายต่อผู้ที่มีความรักและการปกป้อง แต่ยังมีคนบางส่วนไม่ต้องการออกจากโซนความสุขของตัวเอง เพื่อช่วยใครสักคน ที่คุณได้เห็นในเรื่องเล่าของชาวสามารีท์ คือ การที่ความรัก ความเมตตา และความกรุญจะกระตุ้นให้ผู้คนมีการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่จำเป็น บางคนอาจจะยื่นมือช่วยโดยไม่ถูกขอ ส่วนบางส่วนที่หวั่นไหวก็อาจต้องถูกรับสั่ง หรือกระตุ้นให้ไปช่วยใครสักคนได้ บางทีคุณอาจจะถูกเรียกให้มีการบริจาคเงินเพื่อเหตุผลที่เป็นธรรม ที่นี่อีกครั้งแล้ว คือ การรักและความกรุญของบุคคลหนึ่งมากไปกว่าบุคคลอื่นที่ไม่ต้องการใช้เงิน หน้าที่ประสงค์สำคัญอย่างหนึ่งคือ ความพร้อมใจในการแบ่งปันศรัทธาในงานประชาสัมพันธ์ ศึกษาคัมภีร์ไบเบิล หรือการสอนในโรงเรียนของศาสนา การกอบกู้วิญญาณเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อให้เข้าใจความเชื่อในข้าพเจ้า และหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่จะนำไปสู่อำนาจแห่งนรก ดังนั้นประชาชนของข้าที่มีศรัทธา ต้องพร้อมเสมอและช่วยเหลือเพื่อนบ้านได้อย่างไหนก็ตาม”
พระเยซูตรัสว่า “ประชาชนของข้า คุณกำลังจะเห็นการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นระหว่างอำนาจแห่งความชั่วร้ายกับอำนาจแห่งความดีของข้าพเจ้า คุณทราบแล้วว่า ข้าพเจ้าจะเอาชนะในสงครามนี้สุดท้าย แต่ผู้ปฏิเสธพระเยซูและผู้ตามสืบที่มีความชั่วจะได้รับการปกครองโลกเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ต้องพยายามใช้ปืนเพื่อเอาชนะอำนาจแห่งความชั่วร้าย เพราะคุณไม่สามารถเอาชนะในขณะนี้ได้ คุณกำลังต่อสู้กับเจ้าปีศาจและผู้คนที่มีความชั่ว แทนที่จะฆ่าคนนั้น ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้คุณทำอย่างนั้น แต่อย่าไปยืนอยู่บ้านของคุณเพราะอาจเสี่ยงต่อการเป็นพวกศาสดา มาที่สถานที่หลบภัยของข้าพเจ้าถึงเมื่อข้าพเจ้าเรียก คุณจะได้รับการนำโดยเทวทูตผู้พิทักษ์ด้วยแสงไฟไปยังสถานที่หลบภัยใกล้สุด เมื่อคุณออกจากบ้านเพื่อมาที่สถานที่หลบภัยของข้าพเจ้า คุณจะได้รับความปกป้องโดยชุดเกราะที่ไม่สามารถเห็นได้ ในสิ้นสุดแห่งการทรมานนี้ ข้าพเจ้าจะนำดาวหางแห่งการลงโทษมาเพื่อเอาชนะผู้มีความชั่วร้าย คุณจะถูกยกระดับขึ้นไปในอากาศเป็นอย่างที่ดี ส่วนผู้มีความชั่วทั้งหมดจะตกอยู่ในนรก ข้าพเจ้าจะฟื้นฟูโลก และข้าพเจ้าจะพาคุณทุกคนลงมาเข้าสู่ยุคราชสันติของข้าพเจ้า เลือดรักที่คุณได้เห็นเหตุการณ์นี้ในชีวิตของคุณ มีความอดกลั้นใจเพื่อตอนนี้และตามคำแนะนำของข้าพเจ้า และคุณจะอยู่กับข้าพเจ้าในยุคราชสันติ”